นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1 วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของบุคคล พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมโดยการกำหนดประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งครอบครองโดยศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว สำนักงานประเทศไทย (Tokyo Metropolitan Small and Medium Enterprise Support Center) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "เรา", "ของเรา") เกี่ยวกับการพัฒนาขั้นสูงของข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในสังคม
2 คำนิยาม
ในนโนบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ให้คำดังต่อไปนี้มีความหมายตามที่กำหนดไว้ด้านล่าง:
- (1)"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชีวิตอยู่ซึ่งสามารถระบุตัวตนได้ด้วยชื่อ วันเกิด หรือคำอธิบายอื่น ๆ ที่ระบุอยู่ในข้อมูล (รวมถึงบุคคลที่สามารถจับคู่กับข้อมูลอื่น และสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้จากการนั้น)
- (2)"กฎหมายและข้อบังคับ" หมายถึง กฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เช่นพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของประเทศไทย
- (3)"ข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครอง" หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่สร้างหรือได้มาโดยพนักงานของเราในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองของเราเพื่อใช้ในองค์กรโดยพนักงานดังกล่าว อย่างไรก็ตามข้อมูลนั้นอาจถูกบันทึกในรูปแบบเอกสาร ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพยนตร์ การบันทึกแบบแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "เอกสาร ฯลฯ") ซึ่งถูกจัดการโดยเรา
- (4)"บุคคล" หมายถึงบุคคลเฉพาะที่ระบุโดยข้อมูลส่วนบุคคล
3 หน้าที่ของเรา
เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เราจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่จำเป็น
4 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
เราอาจเก็บรวบรวม ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล รหัสไปรษณีย์ ชื่อบริษัท ตำแหน่งงาน การส่งข้อความ instant messenger IDs และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม จากแหล่งดังต่อไปนี้:
- (1)ท่าน ตัวแทนของท่าน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
- (2)คู่ค้า คู่ค้าทางธุรกิจ หรือผู้รับเหมาช่วงของเรา
- (3)หน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่นที่เชื่อถือได้
5 วัตถุประสงค์ในการใช้
เราจะเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ ดังต่อไปนี้
- (1)เมื่อมีความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเมื่อมีความจำเป็นในการดำเนินการตามขั้นตอนตามคำขอของท่านก่อนสรุปข้อตกลงตามสัญญา รวมถึง ข้อมูลและขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนา งานจับคู่ (matching event) ฯลฯ การสนับสนุนการจับคู่ (matching support) การสนับสนุนการให้คำปรึกษา (consultation support) การจัดกิจกรรมร่วมกัน (event co-hosting) และการรายงานผลการดำเนินงาน
- (2)ข้อมูลและคำเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาและงานจับคู่ (matching event) ของเรา หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรา รวมทั้งการส่งจดหมายข่าว ฯลฯ
- (3)การเผยแพร่ข่าวสาร โฆษณา ฯลฯ ของบริษัท บนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และวิธีการอื่นใดในการเผยแพร่ข้อมูล
- (4)การจัดการภายใน หรือประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของเราในขอบเขตที่สิทธิขั้นพื้นฐาน ผลประโยชน์ ฯลฯ ของท่านจะไม่ถูกละเมิดอย่างไม่เป็นธรรม
- (5)ความมั่นคงหรือความปลอดภัยของเรา
- (6)การปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมายของเรา
หากท่านไม่สามารถให้ข้อมูลบางอย่างที่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์ในการใช้ซึ่งกำหนดไว้ข้างต้น ท่านอาจไม่สามารถใช้บริการของเราทั้งหมดหรือบางส่วนได้
6 ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว
โดยไม่คำนึงถึงข้ออื่น ๆ ข้างต้น เรามีระเบียบปฏิบัติที่จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ลัทธิ อุดมการณ์ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พฤติกรรมทางเพศ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางสังคม (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว") ในกรณีที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนดไว้ หรือในกรณีที่ข้อมูลอ่อนไหวมีความจำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลในทางธุรกิจ เราจะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าว
7 ระยะเวลาในการครอบครอง
เราจะครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และเราจะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองของท่านโดยทันทีเมื่อเราไม่มีความจำเป็นที่จะครอบครอง หรือจะทำลายเอกสาร ฯลฯ ที่เก็บไว้ โดยทั่วไปเราจะครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองไว้ไม่เกิน 10 ปี เว้นแต่จะมีกฎหมายและข้อบังคับกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
8 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการภายนอก
หากเราประสงค์ที่จะใช้ผู้ให้บริการภายนอกในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เราจะจัดให้มีมาตรการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม
9 การเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองโดยที่ไม่มีฐานการประมวลผลตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองไปยังบุคคลดังต่อไปนี้ ภายใต้วัตถุประสงค์การใช้ที่กำหนดในข้อ 5
- (1)ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว
- (2)คู่ค้า คู่ค้าทางธุรกิจ หรือผู้รับเหมาช่วงของเรา
- (3)ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา (ผู้สอบบัญชี ทนายความ ฯลฯ)
- (4)หน่วยงานของรัฐ
หากมีความจำเป็นในการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลในครอบครองของเราไปยังบุคคลที่สาม เราจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันการรั่วไหล การสูญหาย หรือความเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงดำเนินการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
10 สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "สิทธิของท่าน")
- (1)สิทธิในการเข้าถึง : สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรักษาไว้
- (2)สิทธิในการแก้ไขให้ถูกต้อง : สิทธิในการร้องขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง
- (3)สิทธิในการลบ : สิทธิในการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- (4)สิทธิในการระงับ : สิทธิในการระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณี
- (5)สิทธิในการคัดค้าน : สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองของเราที่เกี่ยวกับตัวท่าน
- (6)สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล : สิทธิในการร้องขอให้มีการทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือสิทธิในการร้องขอให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองดังกล่าวไปยังบุคคลที่สาม
- (7)สิทธิในการเพิกถอน : สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมใด ๆ ที่ท่านได้ให้ไว้
11 ช่องทางการติดต่อ
คำถามใด ๆ ของท่าน เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล หรือการใช้สิทธิของท่านในการดังกล่าว สามารถทำได้ผ่านช่องทางการติดต่อดังต่อไปนี้
Tokyo SME Support Center Thailand Branch Office
ที่อยู่:ชั้น 20 อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21, 399 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย
TEL:+66(0)2-611-2641
E-mail:thai-branch@tokyo-kosha.or.jp
12 การปรับปรุงแก้ไข
เราอาจทบทวนสถานะการดำเนินงานในการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราว และอาจปรับปรุงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ตามความจำเป็น